Nature Lovers with Iceland Summer

ออกเดินทางด้วยสายการบิน Finnair เที่ยวบินที่ AY142 และ AY993 เวลา 08.55น. จากกรุงเทพ ใช้ระยะเวลาเดินทางทั้งหมด 15 ชม. 5 นาที ถึง สนามบิน Keflavik เมืองเรคยาวิค ประเทศไอซ์แลนด์เวลาท้องถิ่น 17:00 น.หลังจากนั้นพาทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็น และ เข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย

Reykjavik

เมืองที่สะอาดที่สุดเขียวและปลอดภัยที่สุดในโลก เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ ประกอบด้วยอาคารที่มีสีสันแปลกสะดุดตา
ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์บนชายฝั่งทางใต้ของอ่าวแฟกซ์ มีประชากรประมาณ 123,300 เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2329 ในฐานะเมืองการค้าอย่างเป็นทางการและเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสิบปีต่อมา และได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้า และกิจกรรมของรัฐบาลในระดับภูมิภาค เป็นหัวใจของไอซ์แลนด์ทางด้านวัฒนธรรมเศรษฐกิจ และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว

เดินทางออกจากเมืองเรคยาวิคไป เมือง Grundarfjörður ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง แวะถ่ายภาพที่ Lónsdrangar, Arnarstapiเสาหิน รูปทรงโดดเด่นริมทะเลที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวา และเที่ยวกันต่อที่โบสถ์สีดำ Búðir Black Church, Ingjaldsholl โบสถ์เล็กๆ ที่ถูกราย ล้อมไปด้วยทุ่งดอกลูปินขนาดใหญ่ ในช่วงหน้าร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม และ ไปถ่ายภูเขา Kirkjufellในช่วงพระอาทิตย์ตก ก่อนเข้าพักที่โรงแรม 

เมือง Grundarfjörður

เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคาบสมุทร Snaefellsnes mงตะวันตกของไอซ์แลนด์ ซึ่งเมืองแห่งนี้ถูกภูเขาและทะเล Kirkjufell ห้อมล้อมอยู่ แม้ว่าเมืองนี้จะไม่คุ้นหูนักเดินทางหลายท่านมากนัก แต่หากจะบอกว่าเป็นจุดหมายของช่างภาพทั่วโลกที่จะมาบันทึกภาพแสงเหนือโดยมีภูเขา Kirkjufell เป็นฉากหน้าทุกคนต่างไม่พลาดที่จะต้องมาที่เมืองนี้ ทั้งนี้เมือง Grundarfjörður ยังใช้เป็นสถานที่สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty (ชีวิตพิศวงของวอลเตอร์มิตตี้) อีกด้วย ไม่เพียงแต่ภูเขา Kirkjufell เท่านั้น ที่นี่ยังมีความสวยงามของธรรมชาติและเส้นทางเดินป่าที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลการเที่ยวชมธรรมชาติและนกสวยงามนานาพันธุ์ หากโชคดีคุณอาจจะได้เห็นปลาวาฬแหวกว่ายโชว์ตัวที่หาดใกล้ๆ กับเมืองนี้ก็เป็นได้

Lónsdrangar

หนึ่งในสถานที่เพียงไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์ที่ถูกขนานนามว่ามีภูมิหลังความเป็นมาของเรื่องราวลึกลับมากมาย เช่นเดียวกับ Lónsdrangar แท่งหินคู่ที่ตั้งอยู่ปลายอ่าวของคาบสมุทร Sneafellsnes มีความสูง 75 เมตร แห่งหินที่เกิดจากการไหลรวมกันของลาวาที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟและถูกน้ำทะเลกัดเซาะมาเป็นเวลาหลายพันปี จนทำให้เกิดรูปร่างของหินที่เราเห็นในปัจจุบัน ผู้คนต่างเชื่อว่าที่แห่งนี้เป็นบ้านของพวกเอลฟ์ที่รอวันเจ้าของกลับมาอาศัยอยู่ (ไอซ์แลนด์มีความเชื่อเรื่องเอลฟ์และภูตต่างๆ ว่ามีจริงและจะปรากฏตัวให้เห็น)

Búðir Black Church

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโบสถ์ดำแห่งเมือง Budir มีนักท่องเที่ยวและช่างภาพต่างแวะเวียนมาถ่ายภาพกันอย่างมากมาย จนกลายเป็นสถานที่ยอดฮิตของเมืองนี้ ซึ่งมีโบสถ์สีดำขนาดเล็กที่ตั้งโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มหมอกควันและเมฆอยู่เบื้องหลังแนวเทือกเขา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวไม่น้อย โบถส์แห่งนี้ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Sneafellsnes ของไอซ์แลนด์ ใกล้กันกับโบสถ์คุณจะได้เจอหลุมศพและกำแพงหินล้อมรอบโบสถ์เอาไว้ แต่ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ซึ่งวัตถุเหล่านี้สามารถจัดเป็นฉากหน้าสวยๆ ได้ในวันที่มีแสงเหนือเกิดขึ้นได้อย่างสวยงามและแปลกตา

Ingjaldsholl

โบสถ์ขนาดเล็กที่รายล้อมด้วยทุ่งดอกลูปินสีม่วงสด ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1903 เป็นโบสถ์ที่สร้างด้วยคอนกรีตที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยจำลองแบบมาจากวิหารลูเทอรันแห่งเรคยาวิก โบสถ์แห่งนี้อดีตเคยเป็นสถานที่ชุมนุมของผู้คนที่หมู่บ้าน Hellissandur และ Rif ด้านหลังโบสถ์เราจะได้เห็นอนุสาวรีย์ของ Egger Olafsson ที่โดดเด่นและสวยงาม ซึ่งถูกแกะสลักโดยช่างฝีมือดีจากเมือง Fusafell ซึ่งเป็นแท่นหินขนาดใหญ่ 2 แท่นถูกแกะสลักเป็นรูปชายและหญิงยืนหันหลังอยู่เคียงข้างกัน ลองยื่นระหว่างหินทั้งสองและมองไปที่อ่าว Breiðafjörður เชื่อว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจดีๆ จากที่นี่อย่างแน่นอน

ตื่นมาถ่ายแสงเช้าบริเวณ Kirkjufellจากนั้นกลับที่พักเพื่อรับประทานอาหารเช้า และออกเดินทางไปด้วยเรือเฟอร์รี่ข้ามจาก Ferjan Baldur เมื่อถึงฝั่ง Westfjords ขับรถลัดเลาะต่อไป ยังแหลมLatrarbjargที่พำนักของเหล่านกพัพฟิ่นอันแสนน่ารักนับแสนตัวใช้เวลาถ่ายรูปกัน อย่างเต็มที่ จากนั้นเดินทางถ่ายรูปโดยรอบหรือเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน 

Kirkjufell

ภูเขาที่เป็นเป้าหมายของช่างภาพจากทั่วโลก ที่อยากจะเดินทางมาเก็บแสงเหนือ เพราะมีทั้งฉากหน้า ภูเขา น้ำตก ครบถ้วนสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวหลายคนที่นั่งรอแสงเหนืออยู่หลายวัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะพบกันง่ายๆ เพราะบางครั้งการที่จะชมแสงเหนือให้สวยงาม เหมือนแสงเหนือเต้นระบำนั้น จะต้องไม่มีอุปสรรคใดๆ เช่นเมฆมาก หรือฟ้าครึ้ม แต่หากไม่ได้เห็นแสงเหนือก็ยังสามารถชมความสวยงามของ Kirkjufell ก็ได้เช่นกัน เพราะตำแหน่งของน้ำตกวางตัวได้พอเหมาะเป็นธรรมชาติที่งดงามและน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

Westfjords

คาบสมุทรขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ มีพื้นที่รวม 22,271 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและมีลักษณะชายฝั่งที่เว้าแหว่ง และล้อมรอบด้วยเนินเขาที่สูงชันซึ่งทำให้การสัญจรด้วยรถทำได้ยาก รวมถึงถนนหลายจะถูกปิดเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวและมีหิมะตกหนัก ที่นี่มีสถานที่และจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจมากมาย เช่น Latrarbjarg Cliff แนวหน้าผาซึ่งทอดตัวยาวที่สุดในทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก รวมถึงน้ำตก Dynjandi แสนสวยงามท่ามกลางทุ่งหญ้าและดอกไม้นานาพันธุ์

ตื่นแต่เช้าเดินทางไปถ่ายเก็บตกนกพัพฟินช่วงแสงเช้าอีกครั้งที่บริเวณ Latrarbjarg Cliffจาก นั้นเดินทางกลับที่พักเพื่อรับประทานอาหารและพักผ่อนช่วงสายออกเดินทางไปยัง Dynjandiน้ำตกขนาดใหญ่ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ในฝั่ง Westfjords เลยก็ว่าได้ จากนั้นเดินทางต่อไปเพื่อเข้าที่พัก

Latrarbjarg Cliff

หน้าผาแห่งนี้สูง 450 เมตร เป็นหน้าผาที่มีนกพัฟฟินอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดในยุโรป อีกทั้งยังเป็นแนวหน้าผายาวกว่า 17 กิโลเมตร ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของไอซ์แลนด์ท่ามกลางมหาสมุทรได้แบบ 360 องศา

Dynjandi

น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดใน Westfjords จนขึ้นชื่อว่าเป็น “อัญมนีแห่งไอซ์แลนด์” โดยมีความสูงประมาณ 100 เมตร ลดหลั่นลงมาตามแนวของชั้นหิน หากมองโดยภาพรวมแล้วน้ำตกแห่งนี้มีรูปทรงเหมือนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนั่นเอง คำว่า “Dynjandi” ในภาษาไอซ์แลนด์หมายถึง ฟ้าร้อง เนื่องจากน้ำตกแห่งนี้มีความสูงค่อนข้างมาก ประกอบกับน้ำปริมาณมหาศาลที่ไหลลงมาในแต่ละวินาทีกระทบกับโขดหินจนทำให้เกิดเหมือนเสียงฟ้าร้องนั่นเอง น้ำตก Dynjandi ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นธรรมชาติที่ถูกคุ้มครองภายใต้ไอซ์แลนด์ในปี 1981 และได้รับว่าเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตนี้ ดังนั้นในบางเส้นทางการเยี่ยมชมจึงมีป้ายห้ามเข้าเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่นักท่องเที่ยวนั่นเอง

ตื่นเช้าเพื่อเดินทางพาท่านเยี่ยมชมและถ่ายภาพ Geysir Hot Springs หนึ่งในน้ำพุร้อนจากภู เขาไฟกีย์เซอร์ ไปต่อที่น้ำตก Gullfoss ออกเดินทางจาก Gullfoss สู่ Seljalandsfossและ เดินทางต่อที่น้ำตก Skógafoss เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงเเละเป็นสถานที่ท่องเที่ยวรวมคืนนี้เราจะ ขับรถไปพักกันที่ เมือง Vikจากนั้นเข้าที่พัก

Geysir Hot Springs

บางครั้งถูกเรียกว่า Great Geysir เป็นน้ำพุร้อนในทิศตะวันตกเฉียงใต้ไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ในหุบเขา Haukadalur บนผาลาดของเขา Laugarfjall ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Strokkur geyser ประมาณ 50 เมตร (160 ฟุต) ทางทิศใต้
เป็นน้ำพุร้อนที่สามารถพ่นน้ำเดือดได้สูงถึง 70 เมตร (230 ฟุต) 

Gullfoss (น้ำตกกุลล์ฟอสส์) "น้ำตกสีทอง"
หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของไอซ์แลนด์ ชื่อของน้ำตก Gullfoss ต้องติดอยู่ในลำดับต้น ๆ แน่นอน เพราะที่นี่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกไนแองการา บริเวณรอยต่อของประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกาเลยล่ะ น้ำตก Gullfoss ตั้งอยู่บนเส้นทางท่องเที่ยววงแหวนทองคำ อยู่ในแม่น้ำ Hvita ที่ไหลมาจากธารน้ำแข็ง Langjokull ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ เกิดจากระดับแผ่นดินในแม่น้ำลดต่ำลงเป็นชั้น ๆ ขนาดกว้างใหญ่ มีความลึกประมาณ 32 เมตร เมื่อมวลน้ำมหาศาลในแม่น้ำไหลผ่านช่วงนี้ จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามจับตาสุด ๆ และที่นี่ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกด้วย เพราะในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 บริษัทต่างชาติจะซื้อน้ำตกแห่งนี้จากชาวบ้านเพื่อสร้างเป็นที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะทำลายความสวยงามของน้ำตก Gullfoss แต่ Sigriour Tomasdottir หญิงแกร่งที่เติบโตมากับน้ำตกแห่งนี้ ได้คัดค้านและต่อสู้จนกระทั่งไม่มีการสร้างสิ่งดังกล่าว และน้ำตก Gullfoss ก็ได้กลายมาเป็นสมบัติของประเทศไอซ์แลนด์ในที่สุด

Seljalandsfoss  (น้ำตกเซลยาลันส์ฟอส)
Seljalandsfoss เป็นน้ำตกตั%B

ออกเดินทางจากเมือง Vikเพื่อไปเก็บภาพแสงเช้าที่ Reynisdrangarหาดทรายดำที่หาชมได้ยาก และเป็น 1 ใน 10 ชายหาดสีดำที่สวยงามที่สุดในโลก ...อีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมา เยือนประเทศ Iceland รับประทานอาหารเช้าหลังถ่ายภาพ แวะถ่ายภาพโบสถ์บนเขาวิวที่ สวยงามViki Myrdal Church เสร็จแล้วแวะซื้อเสบียงเพื่อเป็นอาหารกลางวันของวันนี้ แล้วเดิน ทางต่อมายัง Fjadrargljufur; Grand Canyonแห่งประเทศ Iceland หุบเขาลึกที่เกิดจากแรง ของน้ำและการไหลของธารน้ำแข็งผ่านหินนับพันปี อีกสถานที่อลังการที่ไม่ควรพลาด ก่อนรอ ถ่ายภาพแสงเย็น Jökuls[rlón (โจกุลซาลอน)จากนั้นเข้าที่พัก 

Reynisdrangar 
เป็นที่ราบลุ่มที่ตั้งอยู่ใต้ภูเขา Reynisfjall ใกล้กับหมู่บ้าน Víkเขต Myrdalur ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ซึ่งล้อมรอบด้วยหาดทรายสีดำที่ติดอันดับ ในปี 2534 ว่าเป็น 1 ใน 10 ชายหาดสีดำที่สวยงามที่สุดในโลก 
หาดทรายสีดำอันเลื่องชื่อของไอซ์แลนด์นี้ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Reynisfjara เป็นหาดทรายยาวจากหินภูเขาไฟ จึงมีสีดำสนิท บรรยากาศเงียบสงบ วิวทิวทัศน์สวยงาม โดยบริเวณหนึ่งที่เป็นแนวหน้าผาหินจะเห็นหินมีรูปร่างคล้ายกับแท่งหินห้าเหลี่ยมหกเหลี่ยมเรียงตัวลดหลั่นกันลงมาตามชายหาด ซึ่งเกิดจากการที่ลาวาอันร้อนระอุไหลมากระทบกับน้ำทะเลจนเย็นตัวลงนั่นเอง นอกจากความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว เราก็ยังจะได้พบเห็นกับเจ้านกพัฟฟินสุดน่ารักมากมายในบริเวณนี้อีกด้วย

Vik I Myrdal Church

โบสถ์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเนินเขากลางเมือง Vik รายล้อมด้วยดอกลาเวนเดอร์สีม่วงตลอดเส้นทางเดินสู่โบสถ์ สร้างขึ้นโดยมีต้นแบบจากโบสถ์ในนิกายลูเธอรันซึ่งใช้สำหรับประกอบพิธีทางศาสนาสำหรับผู้คนในเมือง โบสถ์มีขนาดเล็กรองรับผู้เข้าร่วมได้ไม่เกิน 50 คนและมีความสวยงามตามแบบฉบับของคริสจักรในนิกายลูเธอรัน

Fjadrargljufur Canyon
เป็นหุบเขาลึกทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ต้นกำเนิดของมันย้อนไปถึงช่วงเย็นของยุคน้ำแข็งราวสองล้านปีก่อน โดยหุบเขานี้ที่ เกิดจากแรงของน้ำและการไหลของธารน้ำแข็งผ่านหินนับพันปี ซึ่งทำให้เกิดความลึก 100 เมตร และยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้กับถนนวงแหวนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน Kirkjubæjarklaustur

เก็บภาพแสงเช้าที่ Jökulsarlón (โจกุลซาลอน) ทะเลสาปธารน้ำแข็ง เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ว่าเป็น ทะเลสาปธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ Diamond Beach หรือหาดทราย ดำจุดถ่ายภาพก้อนน้ำแข็งพร้อมเกลียวคลื่น
หลังรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมือง Hofn เดินพักชมเมือง และแวะ ซื้อเสบียง สำหรับอาหารค่ำ

Jökulsárlón Glacier Lagoon (ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน) 
เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็ง ที่ลึกที่สุดในไอซ์แลนด์ เต็มไปด้วยน้ำแข็งสีขาวอมเทาอายุกว่า 1,000 ปี 
 โดยมีความลึกที่ 248 เมตร (814 ฟุต)ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ ภายในอุทยานแห่งชาติ Vatnajokull ซึ่งเป็นอุทยานธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ความงดงามของทะเลสาบแห่งนี้อยู่ที่มีก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่หักออกจากธารน้ำแข็ง Breioamerkurjokull ลอยอยู่กลางทะเลสาบมากมาย ซึ่งทะเลสาบไม่ได้กว้างมาก แต่ลึกลึกที่สุดในไอซ์แลนด์ และยังมีหาดทรายสีดำที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งอันงดงามอีกด้วย 
ขนาดของทะเลสาบเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี เนื่องจากการละลายที่เพิ่มขึ้นของธารน้ำแข็ง โดยปัจจุบันมีขนาดมากกว่า 4 เท่าหากเทียบกับยุค 70 ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของไอซ์แลนด์ 

Höfn 

ตั้งอยู่บนคาบสมุทรทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ ชื่อ Höfn หมายถึงท่าจอดเรือและเป็นท่าเรือประมงที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลโดยมีหาดทรายยาวอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แม่น้ำสันดอนและแม่น้ำโขงไหลผ่านบริเวณนี้มีแนวปะการังและแนวปะการังที่ขยับตัวมากมายHöfnล้อมรอบไปด้วยเกาะเล็ก ๆ หลายแห่งทางด้านตะวันออกของเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ Mikley ตามด้วยKrókalátur และ Hellir
ทางตอนเหนือของเมือง มีอุโมงค์ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองมีความยาว 1,300 เมตรซึ่งมีชื่อว่าAlmannaskarðsgöng เปิดดำเนินการในปีพศ. 2548

ตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บภาพแสงเช้าที่ Vestrahornหลังจากนั้นรับประทานอาหารเช้าและออกเดิน ทางไกล ชมธารน้ำแข็ง Svínafellsjökull Glacierออกเดินทางต่อไปพักผ่อนแช่น้ำร้อนที่ Blue Lagoon กันให้ฟินจากนั้นรับประทานอาหารเย็น 

Vestrahorn

ภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ เวสตราฮอร์นเป็นภูเขาที่ประกอบไปด้วยหินแกรนิตและหินแกบโบร ซึ่งมีความสูง 454 เมตร ยอดแหลมๆ ของภูเขามีรูปร่างคล้ายกับปีกค้างคาง จนได้รับชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “Batman Mountain” เวสตราฮอร์นได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในกลุ่มช่างภาพและนักท่องเที่ยวในช่วงหลังมานี้ เนื่องจากด้วยรูปทรงที่ดูแปลกตา ประกอบกับชายหาดสีดำตัดกับสีภูเขา ทำยิ่งทำมันดูเด่นมากขึ้นกว่าเดิม 

Svínafellsjökull Glacier

ธารน้ำแข็งที่ทอดยาวกว่า 8 กิโลเมตร มีความกว้างประมาณ 800 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ บนความสูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักท่องเที่ยวเนื่องจากเดินเข้าถึงง่าย ซึ่งธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นธารน้ำแข็งที่เสี่ยงที่จะเกิดการละลายจนหมดสิ้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนในช่วงหลังมานี้ ธารน้ำแข็งแห่งนี้มีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา ในบางครั้งเราอาจจะได้ยินเสียงแผ่นน้ำแข็งแตกและเสียงครวญครางจากแผ่นน้ำแข็งที่กะเทาะตัว อีกทั้งธารน้ำแข็งแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงอันโด่งดังเนื่องจากเป็นสถานที่ถ่ายทำของซีรี่ย์ยอดนิยมอย่าง Game of Thornes ใน Seasone ที่ 7 อีกตัวย

Blue Lagoon
National Geographic ได้ยกให้บลูลากูน (Blue Lagoon) เป็น 1 ใน 25 สถานที่สุดอัศจรรย์ของโลก ด้วยบลูลากูนเป็นบ่อน้ำแร่ที่มีน้ำสีฟ้าใสสวยงาม อันเกิดจากเกลือแร่ (Minerals), แร่ซิลิกา (Silica) และสาหร่าย (Algae) โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนคึกคักมาก ๆ แม้ว่าอากาศโดยรอบจะติดลบก็ตาม แต่การที่พวกเขาได้นอนแช่ในน้ำแร่ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 50 องศาเซลเซียสนั้น ทำให้พวกเขาผ่อนคลายและสดชื่นแบบสุด ๆ เรียกได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ที่คนทั่วโลกต่างต้องการมาสัมผัสเลยทีเดียว

Reykjavik

เมืองเรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด ผู้อพยพชาวนอร์ดิกคนแรกที่มาตั้งรกรากในเรคยาวิกในปี ค.ศ. 870 คือ Ingolfur Arnarson เมื่อเรคยาวิกมีบทบาทของการเป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้าและธุรกิจการประมงอย่างโดดเด่น ต่อมาจึงได้รับการก่อตั้งให้เป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ.1786

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นเรคยาวิกเป็นเมืองหลวงซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด มีความสวยงามและมีเสน่ห์ไม่แพ้เมืองหลวงอื่นๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย เป็นเมืองที่เพียบพร้อมด้วยความบริสุทธิ์ทางธรรมชาติ อาคารบ้านเรือนสีลูกกวาดรูปทรงน่ารัก และสถาปัตยกรรมทรงคุณค่าที่ถักทอประวัติศาสตร์เรื่องบอกเล่าความเป็นมาของประเทศ “ดินแดนน้ำแข็ง” เล็กๆ แห่งนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจ

หลังทานอาหารเช้าแล้วเดินทางออกจาก Iceland ด้วยสายการบิน Finnair เที่ยวบินที่ AY992 และ AY141 เครื่องออกเวลา 09:25 น. จากเมืองเรคยาวิค ใช้ระยะเวลาเดินทางทั้งหมด  14 ชม. 50 นาที

เดินทางถึงเมืองไทยสนามบินสุวรรณภูมิช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม โดยสวัสดีภาพในเวลา 07:15 น.