The Last Eagle Hunter in Mongolia

ออกเดินทางด้วยสายการบิน Air China ไฟล์ CA980 เวลา 01.00 น. จากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK), กรุงเทพ ถึงสนามบินที่ กรุงปักกิ่ง แคปปิตอล (PEK) เวลา 10.50 น. ระยะเวลาเดินทาง 4 ชม. 20 นาที เดินทางต่อด้วย ไฟล์ CA901 เวลา 08.35 น. ถึงสนามบิน อูลานบาตอร์ (ULN) ประเทศมองโกเลีย เวลา 10.50 น. ระยะเวลาเดินทาง2 ชม. 15นาที

หลังตรวจเอกสาร ตม. และรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว แวะรับประทานอาหารกลางวัน และเดินทางเพื่อไปชม พร้อมถ่ายภาพที่ Gandan Monastery และ Mongolian Natural History Museum รับประทานอาหารเย็น Check In เข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย 

**หมายเหตุ** พักโรงแรม 4 ดาว 2 ท่าน/ห้อง, มีไฟฟ้าใช้, อาบน้ำได้ตามปกติ

Mongolia 

มองโกเลีย เป็นประเทศในทวีปเอเชียที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่มีความใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลกรองจากประเทศคาซัคสถาน มีพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศรัสเซีย และทางใต้ติดกับประเทศจีน มีพื้นที่ที่สามารถใช้สำหรับการเกษตรได้น้อยกว่าร้อยละหนึ่ง 

มองโกเลียมีประชากรเพียง3 ล้านกว่าคน แต่มีพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศไทยถึงกว่า 3 เท่า ซึ่งทำให้ประเทศมองโกเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุดในโลก ประชากรส่วนมากนับถือศาสนาพุทธนิกายวัชรยานแบบทิเบต และประชากรร้อยละ38 อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอูลานบาตอร์

Ulaanbaatar

อูลานบาตอร์เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมองโกเลีย ในอดีตมีการเปลี่ยนชื่อเมืองหลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายเมื่อปีค.ศ.1924 ใช้ชื่อ อูลานบาตอร์ ซึ่งมีความหมายว่า วีรบุรุษสีแดง ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดัมดิน ซุคบาตาร์ (Damdin Sukhbaatar) ผู้นำการปฏิวัติการปกครองและการประกาศอิสระภาพของมองโกเลีย ปัจจุบันเมืองหลวงแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของการคมนาคม ทั้งการเดินทางด้วยเครื่องบินที่มีเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ

Gandan Monastery

อาราม Gandan เป็นวัดพุทธแบบทิเบต ชื่อของมันหมายถึง "สถานที่ใหญ่แห่งความสุขที่สมบูรณ์"

ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ระบบคอมมิวนิสต์ของประเทศมองโกเลียภายใต้แรงกดดันของ Staline ทำให้เกิดการทำลายล้างมากกว่า 900 วัดวาอารามและฆ่าชาวพุทธลาซามากกว่า 10,000 คน แต่อาราม Gandantegchinlen เป็นหนึ่งในพระราชวงศ์เพียงไม่กี่แห่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การทำลาย. มันถูกปิดในปี ค.ศ. 1938

การล่มสลายของระบบคอมมิวนิสต์ในปี 2533 ในประเทศมองโกเลียได้นำไปสู่การยุติ ข้อจำกัดของศาสนาและอนุญาตให้อารามเริ่มทำกิจกรรมต่อไป ในวันนี้มีวัดและวัดอยู่ภายในวัดซึ่งมีประมาณ 900 ไลมาส

 Mongolian Natural History Museum

พิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยภาควิชาธรณีวิทยาภูมิศาสตร์พฤกษาและสัตว์ซากดึกดำบรรพ์และมานุษยวิทยาครอบคลุมประวัติศาสตร์ธรรมชาติของประเทศมองโกเลีย การถือครองพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยชิ้นงานมากกว่า 6,000 ชิ้นซึ่งมีอยู่ 45% ที่อยู่บนจอแสดงผลสาธารณะอย่างถาวร

พิพิธภัณฑ์เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับไดโนเสาร์และการจัดแสดงนิทรรศการซากดึกดำบรรพ์อื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดคือโครงกระดูกเกือบทั้งหมดของยุคครีเทเชียส Tarbosaurus Tyrannosaurid และรังไข่ของ Protoceratops ในปัจจุบัน

หลังรับประทานอาหารเช้า ออกเดินทางโดยสายการบินภายในประเทศจาก อูลานบาตอร์ ไปยังเมือง Ulgii และเดินทางต่อไปยังไปยัง หมู่บ้านของชาวคาซัก (Kazahk) หมู่บ้านซึ่งเป็นที่อยู่ของ Eagle Hunters จํานวนมาก เพื่อทำการถ่ายภาพแนว Portraits ในที่พักเกอร์ (Ger) ของชาวคาซัก
**หมายเหตุ** พักโรงแรม 2 ท่าน/ห้อง, มีไฟฟ้าใช้,อาบน้ำได้ตามปกติ

Ulgii

เป็นเมืองหลวงของ Bayan-Ölgii Aimag (จังหวัด) ของประเทศมองโกเลียซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ที่ระดับความสูง 1,710 เมตร (5,610 ฟุต) มีประชากรของเมืองประมาณ 2 หมื่นกว่าคน

เมืองนี้เป็นที่รู้จักสำหรับการเย็บปักถักร้อยของคาซัคสถานและศิลปะดนตรีคาซัคและการล่าสัตว์กับนกอินทรี ในช่วงเดือนตุลาคม Ulgii เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลประจำปีของเทศกาลอีเกิลอีเกิลซึ่งมีการนำเสนอประเพณีการล่านกอินทรีของคาซัคสถานโบราณ

Eagles Hunter

นักล่านกอินทรีชาว Kazakh ในอุทยานแห่งชาติ Altai Tavan Bogd ประเทศมองโกเลีย

ในช่วงระยะเวลาของพรรคคอมมิวนิสต์ในคาซัคสถานชาวคาซัคสถานหลายคนหนีไปมองโกเลียที่จังหวัดบายัน - ออลกิอิและนำประเพณีของพวกเขาไปล่ากับนกอินทรี มีประมาณ 250 ล่านกอินทรีในบาหยัน - Ölgiiซึ่งตั้งอยู่ในเทือกเขาอัลไตตะวันตกมองโกเลียได้

เหยี่ยวสีแดงของพวกเขาเองเกี่ยวกับการล่าสัตว์กับนกอินทรีทองบนหลังม้าและพวกเขาส่วนใหญ่ล่าหมาจิ้งจอกแดงและจิ้งจอก Corsac  พวกเขาใช้นกอินทรีเพื่อล่าจิ้งจอกและกระต่ายในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นเมื่อมันง่ายที่จะเห็นจิ้งจอกสีทองกับหิมะ  

แต่ละเดือนตุลาคมศุลกากรล่าสัตว์คาซัคสถานจะมีการแสดงในงานเทศกาล Golden Eagle Festival ประจำปี แม้ว่ารัฐบาลคาซัคสถานได้พยายามที่จะชักชวน ผู้ปฏิบัติงานของประเพณีคาซัคสถานเหล่านี้กลับไปยังคาซัคสถานแต่คนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในประเทศมองโกเลีย

Ger
เกอ: ชาวมองโกลอาศัยอยู่ในเกอ กระโจมทรงกลม โครงทำจากไม้และคลุมด้วยหนังสัตว์และผ้าใบ ซึ่งรื้อถอนง่ายและสะดวกในการอพยพโยกย้าย เพราะชาวมองโกลส่วนใหญ่เป็นพวกเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ แต่ปัจจุบันชาวมองโกลดำรงชีวิตเป็นหลักแหล่งมากขึ้น สร้างที่อยู่ด้วยอิฐและไม้แต่ยังคงรักษารูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ เราจะคุ้นภาพกระโจมสีขาวในทุ่งหญ้าสเตปป์อันเวิ้งว้าง

เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า วันพิเศษสำหรับพวกเรากับ เทศกาลส่วนตัว กับนักล่าสัตว์ ด้วยนกอินทรีทอง (Private Traditional Golden Eagle Hunter) สำหรับ Foto Journey เท่านั้น ชาวคาซัคบนหลังม้าแต่งตัวในเสื้อคลุมสีดำแบบดั้งเดิมของพวกเขาและหมวกสีแดง มากับ Golden Eagles บนแขนอันแข็งแรงของพวกเขา

เทศกาลจัดโดยชาวบ้านที่มุ่งมั่นที่จะรักษามรดกดั้งเดิมของชาวคาซัค เพลิดเพลินไปกับโอกาสที่หาได้ยากในการชม Golden Eagles ที่ใกล้ชิดและงานทั้งหมดนี้มีไว้สำหรับสมาชิกของ Foto Journey เท่านั้น

ปกติจะมีเทศกาลสาธารณะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม แต่จะมีคนมาร่วมเทศการจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่จะได้ภาพที่ดี

ขับรถกลับไปที่เมือง Ulgii เพื่อค้างคืนในเมือง
**หมายเหตุ** พักโรงแรม 2 ท่าน/ห้อง, มีไฟฟ้าใช้,อาบน้ำได้ตามปกติ

​

หลังรับประทานอาหารเช้า ออกเดินทางโดยรถไปที่หมู่บ้าน Altantsugts จัดกิจกรรมส่วนตัวพร้อมกับ นักล่านกอินทรีทอง (Private Sessions with Golden Eagle Hunters) ที่เทือกเขาอัลไต (Altai) โดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ Tsambagarav ซึ่งมีความสูง 4208 เมตร และเดินทางกลับ พักค้างคืนที่โรงแรม (Hotel) 
**หมายเหตุ** พักโรงแรม 2 ท่าน/ห้อง, มีไฟฟ้าใช้,อาบน้ำได้ตามปกติ

Tsambagarav

เป็นภูเขาทางตะวันตกของมองโกเลียเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาอัลไต มียอดเขาสูงสองยอดคือ ยอด "Tsast Uul" ("ยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะ") มีความสูง 4,193 เมตร (13,757 ฟุต) และยอดเขาสูงอีกแห่งหนึ่งชื่อ "Tsambagarav"เป็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดเวลา ของมองโกล เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของภูมิภาคในประเทศมองโกเลีย

อาหารเช้าที่โรงแรมและบินกลับอูลานบาตอร์ ด้วยสายการยินภายในประเทศ เดินทางต่อด้วยรถไปที่ โกบี (Gobi) (ระยะทางโดยประมาณ 300 กม. ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง เนื่องจากจำกัดความเร็วที่ 80 กม. / ชม.) พักค้างคืนที่โรงแรมขนาดเล็กในเมืองระหว่างทาง
**หมายเหตุ** พักโรงแรม 2 ท่าน/ห้อง, มีไฟฟ้าใช้, อาบน้ำได้ตามปกติ

Gobi Desert

ทะเลทรายโกบี เป็น 1 ใน 5 ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของจีนและทางตอนใต้ของประเทศมองโกเลีย โอบล้อมด้วยเทือกเขาอัลไตและทุ่งหญ้าสเตปป์ที่กว้างใหญ่ ที่บริเวณนี้มีการค้นพบฟอสซิลที่สำคัญ ซึ่งไข่ไดโนเสาร์ใบแรกก็ถูกค้นพบที่นี่ ทะเลทรายโกบีแตกต่างจากทะเลทรายทั่วไปตรงที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าที่ราบกว้าง เป็นที่อยู่อาศัยของอูฐจำนวนมาก อุดมไปด้วยสัตว์ป่าและพืชพรรณ

Gobi เป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ในฐานะส่วนหนึ่งของจักรวรรดิมองโกลอันยิ่งใหญ่และเป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญหลายแห่งตามเส้นทางสายไหม

Gobi เป็นทะเลทรายที่มีที่ราบสูงธิเบตซึ่งสกัดกั้นการตกตะกอนจากมหาสมุทรอินเดียมายังดินแดนโกบี

มีขนาดใหญ่กว่า 1,600 กิโลเมตร (1,000 ไมล์) จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและ 800 กิโลเมตร (500 ไมล์) จากเหนือจรดใต้ มีพื้นที่ราบ 1,295,000 ตารางกิโลเมตร (500,000 ตารางไมล์) เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกและเป็นอันดับสองของเอเชีย ส่วนใหญ่ของ Gobi ไม่ได้เป็นทราย แต่ได้สัมผัสหินเปลือย

นักโบราณคดีและนักโบราณคดีได้ทำการขุดเจาะในลุ่มน้ำ Nemegt ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลทรายโกบี (ในประเทศมองโกเลีย) ซึ่งเป็นที่ตั้งของฟอสซิลต่างๆรวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคแรกและไดโนเสาร์ พบว่า มีเครื่องมือหินยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทำให้เชื่อได้ว่ามีมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 100,000 ปี

วันนี้เป็นวันที่เดินทางโดยรถระยะทางยาวมากๆ ไปตามเนินทราย และผ่านเมือง โดยเราต้องไปถึงจุดถ่ายภาพก่อนพระอาทิตย์ตก เพื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่เนินทราย ค้างคืนในเกอร์ (Ger)

**หมายเหตุ** พัก 4-6 ท่าน/เกอร์, ไม่มีไฟฟ้า, ไม่ได้อานน้ำ

ถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ในทะเลทรายโกบี และหากธรรมชาติเป็นใจคืนนี้เราจะถ่ายดาวกันนะครับ  ค้างคืนในเกอร์ (Ger)
**หมายเหตุ** พัก 4-6 ท่าน/เกอร์, ไม่มีไฟฟ้า, ไม่ได้อานน้ำ

หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเราจะขับรถไปยัง Flaming Cliffs ระยะทางโดยประมาณ 130 กม. เพื่อไปเก็บภาพพระอาทิตย์ตกที่หน้าผา Flaming Cliffs  พักค้างคืนในเกอร์หรู (Luxury Ger)
**หมายเหตุ** พัก 2 ท่าน/เกอร์หรู (Luxury Ger), มีไฟฟ้าใช้ในช่วงเวลา 1 ทุ่ม – 5 ทุ่มเท่านั้น, ได้อาบน้ำตามปกติ (ห้องน้ำรวม)

Flaming Cliffs

Flaming Cliffs ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Bayanzag มีความหมายว่า หน้าผาแดง เนื่องจากมีสีแดงหรือสีส้มของหน้าผาหินทราย โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ตกดิน ตั้งอยู่ในพื้นที่ของทะเลทรายโกบี ซึ่งมีการค้นพบฟอสซิลที่สำคัญ

ไข่ไดโนเสาร์ถูกค้นพบครั้งแรกในบริเวณนี้ในปี ค.ศ. 1920 และซากดึกดำบรรพ์ของ Protoceratops และ Velociraptor ถูกพบซากในขณะที่กำลังต่อสู้กันได้ถูกค้นพบในปี 1970 ในปัจจุบันนักโบราณคดีค้นพบฟอสซิลที่สำคัญในบริเวณโดยรอบ

Flaming Cliffs เป็นตัวอย่างสำคัญของชั้นทราย ตามมาตรฐานธรณีวิทยา สรุปได้ว่าเป็นหน้าผาที่ถือกำเนิดมาเมื่อ 71-75 ล้านปีที่ผ่านมา

หลังรับประทานอาหารเช้า นั่งรถกลับไปที่อูลานบาตอร์ มีระยะทางโดยประมาณ 700 กม. (เป็นทางหลวง 600 กม. และถนนฝุ่น 100 กม.)

เมื่อถึงอูลานบาตอร์ พาทุกท่านช้อปปิ้งของที่ระลึก และอำลากันด้วยมื้อค่ำ เข้าที่พักที่โรงแรม พักผ่อนตามอัธยาศัย 
**หมายเหตุ** พักโรงแรม 4 ดาว 2 ท่าน/ห้อง, มีไฟฟ้าใช้, อาบน้ำได้ตามปกติ

Lake Khuvsgul

เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในมองโกเลีย และเป็นอันดับสองในเอเชีย มีแหล่งน้ำจืดเกือบ 70% ของมองโกเลียและ 0.4% ของน้ำจืดทั้งหมดในโลก

ทะเลสาบล้อมรอบด้วยเทือกเขาหลายแห่ง ภูเขาที่สูงที่สุดคือBürenkhaan / Mönkh Saridag (3,492 เมตร (11,457 ฟุต)) พื้นผิวของทะเลสาบแข็งตัวตลอดฤดูหนาว

หลังรับประทานอาหารเช้า ออกเดินทางไปยังสนามบิน ออกเดินทางโดยสายการบิน Air China ด้วยไฟล์ CA902 เวลา 11.50 น. สนามบิน อูลานบาตอร์ (ULN) ประเทศมองโกเลีย ถึงสนามบินที่กรุงปักกิ่ง แคปปิตอล (PEK) เวลา 13.55 น.ระยะเวลาเดินทาง 2 ชม. 05 นาที เดินทางต่อด้วย ไฟล์ CA979 เวลา 19.35 น. ถึงสนามบิน สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK), กรุงเทพ เวลา 23.40 น.ระยะเวลาเดินทาง 5 ชม. 05 นาที